ผึ้งบำบัด
ประวัติของผึ้งบำบัดต้นกำเนิดของการใช้ผึ้งบำบัด หรืออะพิเธอราพี นั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าถือกำเนิดวิธีการเหล่านี้มาจากที่ใดเป็นชาติแรก แต่มีร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในชนชาติกรีก ยีอิปต์ และจีน ที่มีการใช้น้ำผึ้งในชีวิตประจำวันของมนุษย์มาเกือบว่าพันปีซึ่งปรากฏอยู่ในคำภีร์ Veda และ Bible ว่ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ผึ้งมาว่า 4,000 ปี ซึ่งน้ำผึ้งและพรอพอริส สารสกัดที่ได้จากยางไม้ ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอียิปต์ หรือในสมัยฮิปโปเคติส ในแพทย์ชาวกรีก ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ยังพบว่ามีการใช้พิษผึ้งเพื่อรักษาอาการเจ็บไขข้อและโรคปวดข้อ ในประวัติศาสตร์ของประเทศจีนมีการกล่าวถึงการใช้ผึ้งต่อยเพื่อรักษาโรค มานานกว่า 3,000 ปี
นิยามของผึ้งบำบัด
ผึ้งบำบัด เป็นวิธีทางเลือกแห่งการบำบัดสุขภาพ หมายถึง การบำบัด บรรเทา หรือการรักษาอาการโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ผึ้ง อันได้แก่ น้ำผึ้ง นมผึ้ง เกสรผึ้ง ไขผึ้ง พรอพอริส และพิษผึ้ง มีประวัติมายาวนาน และเป็นที่แพร่หลายในต่างประเทศ ผึ้งบำบัดในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Apitherapy และในภาษาจีน เรียกว่า ฟงเหลียว
โดยหลักกการแล้ววิถีแห่งผึ้งบำบัดใช้ปรัชญาพื้นฐานของคำว่า อาหารเป็นยาต้านโรคภัย อีกทั้งการใช้พิษผึ้งมีที่มาของหลักที่ว่า พิษต้านพิษ หรือที่เรียกว่า Homeopathy
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihxngOAUFflVRA7q3YblHmnMKjKgAl6lU93GdrbyKhWKJfILgqBYt9LPZ_RyuL5A8My4QX3vh3EAmbXXg26P_gC1aA5OQAo3k1Th66uaFdQcpvJOKXsASk-XWtlQhw9cwRhmyunttmn-g/s1600/apitherapy6.jpg)
การฝังเข็มด้วยเหล็กไนผึ้งเป็นศาสตร์ที่มีมานานกว่า 1,200 ปี และแพร่หลายในสากล เป็นการรวมระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ผึ้งในการต่อยเพื่อบำบัดโรค และการฝังเข็มที่เป็นศาสตร์การรักษาในแพทย์แผนจีน จนพัฒนากลายมาเป็น การรักษาโดยการฝังเข็มด้วยเหล็กไนผึ้ง
การรักษาผึ้งบำบัด
ในการรักษาด้วยผึ้งบำบัด จะมี 3 ประเภท
1.การใช้เหล็กไนของผึ้งมาต่อยรักษาโดยตรง แบ่งเป็น 2ลักษณะ
1.1 ต่อยตรงจุดกดเจ็บ (Trigger points)
จุดกดเจ็บ หมายถึง จุดที่เรากดลงไปแล้วรู้สึกปวด เจ็บแปลบ ๆ เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ เล็ก ๆ ยังคงไม่สลายไป มีอาการเจ็บปวดมากที่สุด การหาจุดกดเจ็บทำได้โดยการใช้นิ้วมือคลำดูบริเวณที่มีอาการแล้วค่อยกดลงที่ละจุด ถามผู้ป่วยว่าเจ็บมากไหม ถ้าผู้ป่วยแสดงอาการเจ็บมาก หรือบอกว่าเจ็บ แสดงว่าเป็นจุดที่มีปัญหา ซึ่งนิยมต่อยผึ้งทั้งตัวบริเวณจุดนี้ เช่นกลุ่มอาการปวดต่างๆ ปวดหัวไหล่ ปวดเข่า ปวดเอว ปวดขา ไมเกรน รูมาตอยด์ เกาต์ ฯลฯ
1.2 ต่อยตามจุดบนเส้นลมปราณ
การต่อยผึ้งตามจุดบนเส้นลมปราณ ใช้หลักการต่อยเหล็กในผึ้งลงบนจุดที่ใช้ในการฝังเข็มคล้าย ๆ กับการฝังเข็มแต่เปลี่ยนจากเข็มเหล็กมาเป็นเข็มเหล็กไนผึ้ง โดยจะให้สรรพคุณเหมือนกับการฝังเข็มแต่ในเหล็กในผึ้งยังมีพิษผึ้ง ซึ่งจะช่วยในการบำบัดได้ต่อเนื่องกว่าการฝังเข็ม เช่น ไมเกรน รูมาตอยด์
2. การใช้พิษแห้ง
ในการรักษาโดยการใช้พิษแห้งจะใช้หลังจากการต่อยผึ้งหรือกรณีที่ผู้ป่วยไม่ประสงค์ต่อยผึ้ง วิธีการใช้พิษแห้งเราจะใช้ร่วมกับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการผลักพิษแห้งเข้าไปช่วยบรรเทาหรือรักษาบริเวณที่มีอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดส้นเท้า ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดข้อศอก ปวดข้อมือ เป็นต้น
3.การใช้พลาสเตอร์พิษผึ้งหรือยางผึ้ง
การใช้พลาสเตอร์พิษผึ้งจะใช้ในการรักษาหลังจากต่อยผึ้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษามากขึ้น มักจะใช้รักษากับโรคต่างๆ เช่น การต่อยเลิกบุหรี่ ปวดข้อศอก ปวดส้นเท้า ต่อมน้ำลายอักเสบ เป็นต้น
แหล่งที่มา :